“ริโอ งูโมฮา” เส้นทางแจ้งเกิดจากเด็กปั้นเชลซีสู่ดาวรุ่งลิเวอร์พูล

จากวัยเพียง 8 ขวบจนถึง 16 ปี ริโอ งูโมฮา เคยเป็น “เด็กสีน้ำเงิน” แห่งค็อบแฮม อะคาเดมีของเชลซี แต่ค่ำคืนที่เขายิงประตูชัยในช่วงทดเจ็บพาลิเวอร์พูลบุกชนะนิวคาสเซิล 2-1 ได้เปลี่ยนสถานะเขาอย่างสิ้นเชิง
ตอนนี้ทุกคนต่างยอมรับว่าเขาคือ “อนาคตของหงส์แดง” อย่างแท้จริง
ทำไมถึงทิ้งเชลซีมาอยู่ลิเวอร์พูล?
แหล่งข่าวใกล้ชิดเผยว่า งูโมฮาและครอบครัวมองว่า เส้นทางสู่ทีมชุดใหญ่ที่แอนฟิลด์เปิดกว้างกว่า แม้เชลซีจะยื่นสัญญาใหม่และพยายามยืนยันว่าเขาเป็นนักเตะระดับท็อปของรุ่น แต่เจ้าตัวกลับรู้สึกไม่ได้รับการปฏิบัติพิเศษหรือการันตีโอกาสก้าวขึ้นทีมชุดใหญ่เร็วพอ
เขาเคยเป็นหนึ่งในผู้เล่นอายุน้อยที่สุดที่ได้ลงเล่นในทีม U18 ของเชลซี แต่ก็ยังมองว่าตัวเองคู่ควรกับโอกาสมากกว่านั้น ขณะที่บรรยากาศในสโมสรหลังการเทคโอเวอร์ของ ทอดด์ โบห์ลี และ กลุ่มเคลียร์เลค แคปปิตอล ก็เต็มไปด้วยความเปลี่ยนแปลงอย่างรวดเร็ว ทั้งการซื้อนักเตะต่างชาติอายุน้อยเข้ามามากมาย และการขายแข้งเยาวชนชื่อดังอย่าง เมสัน เมาท์, รูเบน ลอฟตัส-ชีค, คัลลัม ฮัดสัน-โอดอย หรือ ลูอิส ฮอลล์ ออกไปเพื่อสร้างสมดุลการเงิน
ทั้งหมดนี้ทำให้งูโมฮาเลือกหันหลังให้สแตมฟอร์ด บริดจ์ และตัดสินใจครั้งสำคัญย้ายมาลิเวอร์พูลเมื่อกันยายนปีที่แล้ว ท่ามกลางความไม่พอใจของเชลซี ถึงขั้นมีข่าวว่าพวกเขาจำกัดการเข้าถึงของแมวมองคู่แข่ง
ลิเวอร์พูลได้อะไรจากการคว้าตัวครั้งนี้?
สำหรับลิเวอร์พูล งูโมฮาคือ “เพชรเม็ดงาม” ที่รอวันเจียระไน เขามีจุดเด่นเรื่อง การเลี้ยงบอลหนึ่งต่อหนึ่ง, ความเร็ว, เทคนิคการเอาชนะคู่แข่ง และการตัดสินใจในจังหวะสุดท้าย อีกทั้งยังมีพื้นฐานจากการเล่นฟุตซอลที่ช่วยพัฒนาความเร็วของเท้าและการควบคุมบอลอย่างยอดเยี่ยม
อดีตโค้ชและผู้ฝึกสอนส่วนตัวหลายคนต่างยกย่องว่านี่คือหนึ่งในดาวรุ่งพรสวรรค์สูงสุดของอังกฤษในรอบหลายปี และบางคนถึงขั้นเชื่อว่า หากพัฒนาต่อเนื่อง เขาสามารถก้าวไปถึงระดับ บัลลงดอร์ ได้เลย
อนาคตจะไปได้ไกลแค่ไหน?
อายุเพียง 17 ปี (เตรียมเซ็นสัญญาอาชีพฉบับแรกกับลิเวอร์พูล) แต่ชื่อของงูโมฮาได้กลายเป็นที่รู้จักไปทั่วอังกฤษแล้ว การทำประตูชัยในพรีเมียร์ลีกตั้งแต่ยังไม่บรรลุนิติภาวะคือสัญญาณบ่งบอกถึง ใจนักสู้และความมั่นใจเกินวัย
สำหรับแฟนบอลหงส์แดง นี่อาจเป็นเพียงจุดเริ่มต้นของการได้เห็น “ดาวรุ่งผู้ขโมยหัวใจจากเชลซี” ก้าวขึ้นมาเป็นสตาร์คนใหม่ที่แอนฟิลด์ในอนาคตอันใกล้

